Hayashi Yukio.
(2546 : กรกฎาคม 9).
“Practical Buddhism among the Thai-Lao :
Religion
in the Making of a Region.” ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่
24 : 46.
(Kyoto University Press and Trans Pacific Press, 2003)
Hayashi
Yukio (2546 : 46) กล่าวถึง
การศึกษาเรื่องศาสนาความเชื่อทางมานุษยวิทยาเป็นประเด็นทางทฤษฎีคลาสสิคที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูมาตั้งแต่เริ่มมี
discipline ทางวิชาการที่เรียกว่า anthropology หรือ ethnology เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในตะวันตก
ที่นักมานุษยวิทยาฝรั่งสนใจศึกษาและโต้เถียงทางทฤษฎีเกี่ยวกับศาสนาความเชื่อของกลุ่มชนต่าง
ๆ ที่ไม่ใช่ตะวันตกอย่างกระตือรือร้น แม้การศึกษาศาสนาที่เป็น world
religion จะมาทีหลังจนอาจพูดได้ว่า
ระบบความเชื่อเป็นหัวข้อหนึ่งที่นิยามความเป็น มานุษยวิทยา ได้เลยทีเดียว
กระนั้นก็ดี สรรพสิ่งไม่เที่ยง
ก็ยังเป็นศาสนสัจพจน์ที่ใช้ได้กับวิชาการซึ่งขณะนี้ขาดความชอบธรรมที่จะผลิตสัจพจน์ใด
ๆ ไปเสียแล้ว เพราะหัวเรื่องทางศาสนาความเชื่อ เช่น พุทธศาสนาเถรวาท (Theravada
Buddhism) ของไทยหรือลาว
อาจจะได้ผ่านพ้นยุคทองเมื่อสักยี่สิบสามสิบปีก่อนไปแล้ว
กลายเป็นประเด็นที่ตกรุ่นตกกระแสแฟชั่นในวงการมานุษยวิทยาไทยและต่างประเทศในปัจจุบันไปพอสมควร
งานศึกษาเชิงชาติพันธุ์วรรณนาของนักมานุษยวิทยาญี่ปุ่น ฮายาชิ ยูกิโอะ
ผู้เป็นหนึ่งในบรรดานักวิชาการเพียงหยิบมือที่สนใจพุทธศาสนาเถรวาทในเอเชียใต้และอุษาคเนย์
เกี่ยวกับศาสนาแบบชาวบ้านของชาวไทย-ลาว
ที่เพิ่งพิมพ์ออกมาในปีนี้
จึงเป็นซุปมิโสะดันโอชะประพรมไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้เหือดแห้งแล้งขอดไปกว่าที่เป็นอยู่
ในแนวทางเดียวกับมุมมองต่อพุทธศาสนาทางมานุษยวิทยาที่ดูความเชื่อและพฤติกรรมทางศาสนาในความเป็นจริงของชาวบ้านที่ไม่ใช่ในพระไตรปิฎกผู้เขียนต้องการอธิบายพลวัตของพุทธศาสนาแบบชาวบ้านของชาวไทย-ลาว หรือชาวอีสาน
โดยเน้นที่กระบวนการทางประวัติศาสตร์ของการก่อตัวของหมู่บ้านและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรมภายในและรอบ
ๆ หมู่บ้าน
นี่อาจดูเป็นการศึกษาภาคสนามในหมู่บ้านธรรมดา ๆ
ตามชนบทของสาขาวิชาที่ต้องลงไปคลุกเคล้ากับผู้คน
แต่สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอที่มีนัยทางทฤษฎีคือ การเน้นถึงความเป็นท้องถิ่น (locality)
เฉพาะของแต่ละที่ที่ถูกละเลยจากงานศึกษาก่อนหน้านี้
โดยเฉพาะแนวทางการวิเคราะห์ตีความพุทธศาสนาในไทยที่ทรงอิทธิพลของ Tambiah ทำให้การใช้การวิเคราะห์ทางมโนทัศน์อย่างเป็นสากล (เช่น
ศาสนา ไสยศาสตร์ วัดพุทธ) กับทุกสังคมดังงานศึกษาที่ผ่านมากระทำโดยไม่พิจารณาถึงบริบทว่ามโนทัศน์เหล่านี้ดำรงอยู่และผันแปรเชื่อมโยงอย่างไรจริง
ๆ ในท้องถิ่นหนึ่ง ๆ เป็นเรื่องที่ต้องถูกตั้งคำถาม
งานศึกษานี้มุ่งหมายหาทฤษฎีที่จะเชื่อมโยงกลุ่มชาติพันธุ์กับอาณาบริเวณท้องถิ่นโลกชีวิตของชาวบ้านในแต่ละวัน
และรัฐชาติไทยผ่านการมองพุทธศาสนาที่ปฏิบัติในชีวิตจริงและการเปลี่ยนแปรกลายรูปของความเชื่อเรื่องผีหรือการทรงเจ้าเข้าผี
ในอาณาบริเวณศึกษาและบริบททางประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านทางภาคอีสานของกลุ่มชาติพันธุ์ไท
ที่มีประสบการณ์การเมืองทางชาติพันธุ์ของไทยและลาว
สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นคือในการจะเข้าใจความเป็นจริงที่มีพลวัตของการปฏิบัติทางศาสนาของผู้คน
เราไม่อาจแยกสิ่งที่เป็นพุทธกับสิ่งที่ไม่เป็นพุทธเสมือนกับว่ามันเป็นระบบทางตรรกะภายในที่นำไปใช้วิเคราะห์ได้เลย
แต่ต้องมองจากบริบททางประวัติศาสตร์ของความเป็นชาติพันธุ์และอาณาบริเวณท้องถิ่นที่ผู้คนคิดและปฏิบัติ
นี่จึงเป็นงานอีกชิ้นที่จะมีคุโณปการต่อการศึกษาทำความเข้าใจพุทธศาสนาที่ปฏิบัติในชีวิตจริงของกลุ่มชนต่าง
ๆ ในไทย ที่บรรดาปราชญ์พุทธไทยอาจไม่สนใจจะเข้าใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น