วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สะหวันนะเขต สองโลกในเมืองเดียว



ทันทีที่ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่สอง มุกดาหาร-สะหวันนะเขตมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง มุ่งตรงตามถนนเส้น 9W จะเห็นวงเวียนหลักของเมืองสะหวันนะเขตเป็นรูปแคนและไดโนเสาร์เด่นเป็นสง่า บอกสามทางแยกที่เป็นเหมือนเครื่องบ่งชี้ชีวิตในสามวิถีของสะหวันนะเขต
เลี้ยวขวาผ่านตลอด เป็นทางเข้าสถานีขนส่งสะหวันนะเขต และเข้าไปยังย่านเมืองคันทะบุลี (ไกสอนพมวิหาน) ตรงไป เป็นเส้นทางมุ่งออกไปยังสนามบินสะหวันนะเขต และเป็นถนนเส้นใหญ่ที่จะเชื่อมเพื่อต่อไปยังถนนหลักสายยาวถึงด่านลาวบาวและเวียดนาม ส่วนเลี้ยวซ้าย เป็นเส้นทางไปคาสิโนสะหวันเวกัส นิคมอุตสาหกรรม และเขตเศรษฐกิจพิเศษ สะหวัน-เซโน รวมถึงไซต์ก่อสร้างทางรถไฟสายแรกของประเทศลาว
เมื่อเราเลี้ยวขวา เมืองไกสอนพมวิหานจะถูกแบ่งออกเป็นสองย่านใหญ่ๆ คือย่านเมืองอาณานิคม และย่านเมืองใหม่ โดยมีสวนสาธารณะและสนามกีฬาเก่า ซึ่งมีอนุสาวรีย์ท่านหนูฮัก พูมสะหวัน อดีตประธานประเทศลาว ผู้มีชาติกำเนิดอยู่ที่ฝั่งมุกดาหารและร่วมปฏิวัติกอบกู้เอกราชเป็นเหมือนเส้นเขตแดนกลายๆ
ย่านเมืองเก่าเต็มไปด้วยอาคารทรงเฟรนช์โคโลเนียลจากยุคปกครองอาณานิคม และอาคารในยุคปฏิวัติคอมมิวนิสต์ผสมผสานกัน แต่โดยมาก็ได้ชำรุดทรุดโทรมและถูกทิ้งร้าง เนื่องจากเส้นทางสัญจรนั้นเปลี่ยนจากทางน้ำ คือเรือเมล์และเรือข้ามฟาก ไปเป็นถนนทางบกโดยสิ้นเชิง เมื่อไม่มีการสัญจรก็ไม่มีการค้าขายหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เมื่อหากินไม่ได้ก็ไม่มีคนอยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างทั้งหลายจึงดูเงียบเหงาและว่างเปล่า แต่ก็มีมนตร์เสน่ห์ในตัวเองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเมืองเกือบทั้งเมืองยังคงสภาพสถาปัตยกรรมแบบเก่าไว้ได้คล้ายคลึงกับย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์ของปีนัง หากทางการพรรครัฐของลาว ได้เข้ามามีบทบาทปรับปรุงดูแลร่วมกับเอกชนของเมือง ก็จะสร้างความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน สร้างความคึกคักชีวิตชีวาได้อย่างมาก เนื่องจากเมืองเก่าแบบชิโน-โปรตุกีส และบริติชโคโลเนียลนั้นหาได้ตามแนวชายฝั่งทะเลอันดามัน ไม่ว่าจะเป็นปีนัง สิงคโปร์ มะละกา ภูเก็ต แต่เมืองเก่าแบบเฟรนช์โคโลเนียลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สมบูรณ์ทั้งเมืองนั้นหายากแทบไม่เหลือเพราะภัยสงครามต่อเนื่องทั้งในกัมพูชาและเวียดนาม ต่างจากที่สะหวันนะเขตซึ่งไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ความคล้ายคลึงของสะหวันนะเขตกับจอร์จทาวน์ยังประกอบด้วยความหลากหลายทางศาสนา เมืองสะหวันนะเขตมีทั้งโบสถ์คริสต์เซนต์เทเรซ่าที่เรียบง่ายแต่งดงาม วัดจีน วัดเวียดนาม และวัดลาวอยู่ด้วยกันในเขตเมืองที่มีผังเป็นตารางเป็นระเบียบมากที่สุดแห่งหนึ่ง หากได้รับการปรับปรุงพัฒนาและสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าเมืองเก่าคันทะบุลี แขวงสะหวันนะเขตสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้ไม่ยาก ซึ่งจะนำมาทั้งทุนบำรุงรักษา และนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีกำลังซื้อเข้ามาท่องเที่ยวได้อีกมาก
นอกจากนี้ ในแขวงสะหวันนะเขต ยังมีการขุดค้นพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มเขตพื้นที่ทางธรณีวิทยาเดียวกับภาคอีสานของไทย ซึ่งหากได้มีการขุดค้นวิจัยอย่างจริงจังและเปิดเผย ก็จะเป็นแหล่งศึกษา ท่องเที่ยวเชิงความรู้ที่ดีทั้งต่อประชาชนใน สปป. ลาว และนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนด้วย
ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยนั้นมีความเข้มแข็งและจุดเด่นด้านบริการและคุณภาพความเอาใจใส่ เมื่อสะหวันนะเขตอยู่ใกล้ไทยแค่เอื้อม ภาษาก็ไม่แตกต่างกัน คนไทยมุกดาหารกับคนลาวสะหวันนะเขตก็เป็นสายเครือญาติพี่น้องกัน ย่อมไม่ยากเลยที่เราจะหาทางเข้าไปร่วมการพัฒนาเพื่อสร้างเมืองคู่แฝดสองฝั่งโขงให้งดงาม

ที่มา : คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง มติชนรายวัน
 โดย ธีรภัทร เจริญสุข

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1409122451

ไม่มีความคิดเห็น: